ปัญหาหลักของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตคือแบตเตอร์รี่หมดเร็ว อยู่ใช้งานได้ไม่ถึงวันก็หมด ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตก็มีขีดจำกัด วันนี้เรามีวิธียืดอายุแบตสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต และการใช้งานแบตเตอร์รี่ที่ควรทำมาแนะนำครับ


1.  ปิดสัญญาณ Wifi เมื่อไม่ได้ใช้ 
การเปิดใช้งานสัญญาณ Wifi เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก เพราะการเปิดสัญญาณ Wifi ตลอดเวลา ตัวสมาร์ทโฟนก็จะตรวจหาสัญญาณอยู่ตลอดเวลา เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ

2.  ปิด 3G ถ้าบริเวณนั้นไม่ใช่พื้นที่ให้บริการ
กรณีเดียวกันกับ การปิดสัญญาณ Wifi ครับ เพราะตัวเครื่องจะตรวจหาสัญญาณอยู่ตลอดเวลา จะเปลืองแบตโดยใช่เหตุ

3. ปิด Bluetooth เมื่อไม่ได้ใช้งาน
การเปิด Bluetooth ทิ้งไว้ก็เป็นอย่างที่ใช้พลังงานแบตเตอรืรี่ เพราะจะทำงานแสกนหาอุปกรณ์ที่จะจับคู่ตลอดเวลา

4. ไม่ควร sync ข้อมูลบ่อยๆ เกินไป
การตั้งค่า อัพเดทแอพบ่อยๆ หรือถ้าเราเปิดการอัพเดทแอพแบบ Auto-Update จะเป็นการสิ้นเปลืองแบตเตอร์รี่ และ 3G ด้วย ทางที่ดีปิดไว้ และหาพื้นที่ที่มี Wifi แล้วทำการเปิด sync ข้อมูลจะดีกว่า

5. ปรับลดแสงสว่างหน้าจอ
การตั้งค่าลดแสงสว่างหน้าจอ เป็นการยืดอายุแบตเตอร์รี่ในระหว่างวันได้ เพราะเวลาเราเปิด การปรับลดแสงโดยอัติโนมัติ เวลาใช้งานในที่แงสว่างมากๆ ตัวสมาร์ทโฟนก็จะใฃ้แสงสว่างมากตามไปด้วย เพราะฉะนั้นเราควรแสงเท่าที่แสงสว่างพอประมาณ แต่ไม่ควรปรับปสงน้อยเกินไปนะครับ เพราะอาจจะทำให้เสียงสายตาได้

6. ตั้งค่า Sleep ให้เร็วขึ้น
การตั้งค่าพักเวลาหน้าจอ หรือ การตั้งค่า Sleep ให้เร็วขึ้นก้เป็นการประหยัดแบตได้อีกวิธีหนึ่ง โดยปกติแล้วการพักหน้าจอจะอยู่ 1 นาที เราอาจจะตั้งให้พักแค่ 30 วินาทีแทน หรือถ้ากรณีที่สามาร์ทโฟนบางรุ่นไม่ได้มีตัวเลือก 30 วินาที ให้กดปุ่ม Power 1 ครั้ง เพื่อพักหน้าจอทันทีครับ

7. ปิดการสั่นเตือนเมื่อการแจ้งเตือน
การปิดสั่น และเปิดเสียงการแจ้งเตือนสามารถช่วยให้ประหยัดแบตได้  เพราะเวลามีการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายเรียกเข้า หรือข้อความแชทต่างๆ การแจ้งเตือนจะมาพร้อมเสียงและการสั่นเสมอ แต่การสั่นนี่เองที่ทำให้กินแบตเช่นกัน เพราะการสั่นเตือนใช้มอเตอร์ขนาดเล็กในการทำให้เครื่องสมาร์ทโฟนสั่น และกินไฟไม่ใช่น้อย

สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด เพื่อถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่

1. อย่าให้แบตเตอรี่ร้อนจัด
มื่อแบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่สูงเกินมาตรฐาน จะทำให้ Cell แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเสื่อมเร็วตามไปด้วย แถมยังทำให้แบตเตอรี่คายประจุไวขึ้น ทีนี้ต่อให้เปิดทิ้งไว้เฉยๆ หรือแม้แต่ปิดก็เกิดอาการแบตหมดเอาได้ง่ายๆ

วิธีแก้ปัญหาเวลาเราเล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแล้วรู้สึกว่าตัวเครื่องเริ่มร้อน ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟในปริมาณมาก หรืออากาศที่ร้อน เมื่อรู้สึกว่าเครื่องเริ่มร้อนพยายามอย่าเล่นมือถือต่อ ให้วางพักไว้จนความร้อนระบายออกไปก็จะเป็นอีกหนทางง่ายๆ ที่จะช่วยทำให้แบตไม่เสื่อมสภาพหรือเสื่อมสภาพน้อยที่สุดได้ครับ นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดขึ้นก็ยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้ด้วยไม่ว่าจะเป็น
  • เปิด 3G หรือ Data ตลอดเวลา ส่งผลให้มีการโหลดข้อมูลอยู่โดยตลอด สังเกตได้เลยครับเวลาที่เราเปิด 3G แล้วเล่นโทรศัพท์เครื่องจะร้อนไวกว่าตอนใช้งาน WiFi
  • เล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในที่ที่มีแสงแดดจัดๆ , กลางแจ้ง หรือเล่นในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท ซึ่งเมื่อรวมกับอากาศในประเทศไทยแล้วอาจทำให้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมีอุณภูมิสูงขึ้นมากกว่าปกตินั่นเองละครับ
  • ชาร์จไปเล่นไป อีกหนึ่งตัวการทำแบตเตอรี่เสื่อมเลยละครับเพราะในการใช้ไปเล่นไปจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานหนักกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ร้อนและทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ในที่สุด
  • ใส่ Case บางชนิด โดยเฉพาะพวกเคสซิลิโคนคุณภาพต่ำที่จะทำให้สะสมความร้อน จนในที่สุดความร้อนก็ตีกลับไปที่ตัวแบตเตอรี่เอง
2. อย่าปล่อยให้แบตหมด
แบตเตอรี่ประเภท Lithium-Ion (Polymer) เป็นแบตเตอรี่ที่เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ล่าสุดในตลาดปัจจุบัน ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถชาร์จซ้ำได้ (Rechargeable) แต่หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเมื่อหมด ก็ชาร์จใหม่ก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่นั่นแหละครับคือปัญหา เพราะแบตประเภท Lithium-Ion (Polymer) ถ้าปล่อยให้หมดแบบดับวูลกลางอากาศบ่อยๆ จะทำให้แบตเสื่อมสภาพและคายประจุออกไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ความจุแบตน้อยลง และแน่นอนว่าเมื่อความจุแบตน้อยลง เราก็จะใช้งานได้น้อยลงเช่นกัน เอาเป็นว่าแบตฯขั้นต่ำเหลือสัก 30-40% ก็เริ่มชาร์จได้แล้วละครับ

3. อย่าใช้ที่ชาร์จปลอม (รวมถึง Powerbank ที่ไม่ได้มาตรฐาน)
ที่ชาร์จปลอมจะจ่ายไฟได้ไม่นิ่ง กระแสไฟจะมากบ้างน้อยบ้าง ตามวัสดุและราคาของมัน ตรงนี้แหละที่เป็นอันตรายและเป็นผลเสียต่อแบตเตอรี่ใน สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเอาง่ายๆ และยังไม่นับอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ที่ชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น แบตเตอรี่ระเบิด, ที่ชาร์จระเบิด
ที่มา:  notebookspec.com
Share To:

clubnso4u

Post A Comment:

0 comments so far,add yours